วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

ร่วมงานวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า



กิจกรรมรับเตรียมลูกเสือวิสามัญและ Day Camp







เข้าร่วมวันสถาปนากองลูกเสือไทย







รูปร่วมงานชุมนุมลูกเสือวิสามัญ อาชีวะศึกษาที่ลพบุรี

วิทยาลัยเทคนิคราชบุรีได้เข้าร่วมงานชุมนุมลูกเสือวิสามัญ อาชีวะศึกษาที่ลพบุรี




กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ 2

2002 – 0002 กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ 2
จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้
1. มีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะเกี่ยวกับความคิด วิเคราะห์วางแผนปฏิบัติและประเมินผล
2. เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะชน
มาตรฐานรายวิชา
1. สามารถคิดวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติและประเมินผลการทำงานได้
2. เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ
คำอธิบายรายวิชา
ปฏิบัติกิจกรรมการเขียนโครงการและปฏิบัติตามโครงการ ตามหลักสูตรลูกเสือวิสามัญและเลือกวิชาพิเศษของลูกเสือวิสามัญปฏิบัติอีกอย่างน้อย 2 เรื่อง

กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ 1

2002 – 0001 กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ 1
จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้
1. มีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะเกี่ยวกับระเบียบวินัย ระบบหมู่ การเป็นผู้นำ ผู้ตาม การทำงานเป็นหมู่คณะ
2. เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและวินัยให้เกิดในตนเอง โดยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
มาตรฐานรายวิชา
1. เป็นผู้มีระเบียบวินัย
2. มีความเป็นผู้นำ ผู้ตาม
3. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นหมู่คณะได้
4. เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม
คำอธิบายรายวิชา
ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับขบวนการลูกเสือและพิธีการต่าง ๆ ของลูกเสือวิสามัญ การปฏิญาณและกฎของลูกเสือวิสามัญ ระเบียบแถว ทักษะที่เกี่ยวกับลูกเสือวิสามัญ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
         ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่ฯ ทรงพระราชทานกำเนิดเสือป่าได้ 2 เดือน ซึ่งในระยะเวลานั้นกิจการเสือป่าได้ดำเนินไปอย่างเป็นที่พอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง เห็นได้จากการเพิ่มจำนวนสมาชิกของเสือป่าที่มากขึ้น และกิจการเสือป่าถูกจำแนกออกไปเป็นกองเสือป่าประเภทต่างๆ อีกมาก แม้จะทรงพอพระราชหฤทัยเพียงใด พระองค์ก็ไมเคยทีจะยุติในพระราชดำริที่จะเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติ ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่ากิจการเสือป่านั้นแม้จะประสบผลสำเร็จเพียงใด แต่สมาชิกนั้นเป็นผู้ใหญแต่ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่บ้านเมืองนั้นประกอบด้วยพลเมืองหลายช่วงวัย เด็กผู้ชายทั้งหลายก็เป็นผู้ที่สมควรจะได้รับการฝึกฝน และปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติไปพร้อมๆกับการฝึกฝนให้มีความรู้ และทักษะในทางเสือป่าด้วย เพื่อว่าในอนาคตเมื่อเติบโตขึ้นจะได้ประพฤติตัวให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเกิดเมืองนอน
        ดังนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ จึงได้ทรงพระราชทานกำเนิดกิจการเสือป่าสำหรบเด็กชาย ที่ทรงพระราชทานชื่อว่า ลูกเสือ     
        ในกิจการนี้พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่ให้เด็กชายจดจำหลักสำคัญ 3 ประการคือ 
        1.  ความจงรักภักดีต่อผู้ทรงดำรงรัฐสีมาอาณาจักร โดยต้องตามนิติธรรมประเพณี        2.  ความรักชาติบ้านเมือง และนับถือพระศาสนา 
        3.  ความสามัคคีในคณะ และไมทำลายซึ่งกันและกัน  
        การก่อตั้งกิจการลูกเสือในครั้งแรกนั้น พระองค์ทรงตั้งกองลูกเสือให้มีในโรงเรียนก่อน และกองลูกเสือกองแรกของสยามประเทศคือ กองลูกเสือโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือโรงเรยนวชิราวธ ในปัจจุบันและถูกเรียกว่ากองลูกเสือหลวง หรือกองลูกเสือกรุงเทพที่ 1 และลูกเสือในโรงเรียนนี้ก็ถูกเรียกว่าลกเสือหลวงเช่นกัน ก่อนที่กิจการลูกเสือจะขยายไปสู่โรงเรียนเด็กชายทั่วประเทศในเวลาไม่นาน โดยลูกเสือคนแรก คือ นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่ชื่อ ชัพน์ บุนนาค การเป็นลูกเสือของนาย ชัพน์ บุนนาค นัั้นเกิดจากการที่ได้แต่งเครื่องแบบลูกเสือ และกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ ซึ่งเป็นการกล่าวต่อหน้าพระพักตร์ ซึ่งครั้งนั้นมีผู้ที่บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ว่า
      ร.6        -  “อ้ายชัพน์ ดอกหรือ เอ็งกล่าวคำสาบานของลูกเสือได้หรอเปล่า” 
      ชัพน์    -  ข้าพระพุทธเจ้าท่องมาแล้วว่า 
                     1.  ข้าจะมีใจจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว 
                     2.  ข้าจะประพฤติตนให้สมควรเป็นลูกผู้ชาย 
                     3.  ข้าจะประพฤติตนตามข้อบังคับและแบบแผนของลูกเสือ” 
       ร.6     -  ในหน้าที่ซึ่งข้าได้เป็นผู้ประสิทธิประสาทลูกเสือของชาติขึ้นมา ข้าขอให้เจ้าเป็นลูกเสือคนแรก” 
         จากนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสเพียงสั้นๆว่า อ้าย ชัพน์ เอ็งเป็นลูกเสือแล้ว" และแล้วกิจการลูกเสือ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ
        ต่อมาพระองค์ก็ทรงพระราชทานคติพจน์ให้กับลูกเสือ ที่ภายหลังลือลั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินและเป็นที่กล่าวขาน, รำลึก, พูดสอนกันอย่างติดปากในสังคม อีกทั้งยังปรากฏอยู่บนเครื่องหมายสำคญต่างๆของลูกเสือว่า  เสียชีพอย่าเสียสัตย์    
                  คำว่า ลูกเสือ ที่พระองค์ทรงพระราชทานชื่อนั้น มีนัยว่าพระองค์ทรงเล่นล้อคำกับคำว่า เสือป่า ที่บางครั้งทรงเรียกว่า พ่อเสือ และเมื่อมีกิจการแบบเดียวกันที่มีเหล่าสมาชิกเป็นเด็กชาย พระองค์จึงทรงใช้คำว่าลูกเสือ แต่ภายหลังทรงพระราชนิพนธ์ถึงทีี่มาของชื่อลูกเสืออย่างเป็นทางการเอาไว้ว่า    

           “ลูกเสือ บ่ ใช่สัตว์เสือไพร    เรายืมมาใช้ด้วยใจกล้าหาญปานกัน 
             ใจกล้ามิใช่กล้าอาธรรม์       เช่นเสืออรัญสัญชาติชนคนพาล 
             ใจกล้าต้องกล้าอย่างทหาร   กล้ากอปรกิจการแก่ชาติประเทศเขตคน"


         เป็นเวลา 6-7 เดือน หลังจากที่ พระบาทสมเดจพระมงกฎเกลาเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานกำเนิดลูกเสือในสยามประเทศ หากย้อนกลับไปที่ประเทศอังกฤษที่เป็นต้นกำเนิดกิจการลูกเสือโลกขณะนั้น ก็กำลังคึกคักและแพร่ขยายความนิยมไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วเกาะอังกฤษเด็กๆรวมไปถึงผู่ใหญ่ต่างให้ความสนใจในกิจการนี้มากนายซิดนีย์ ริชเชส ซึ่งอดีตเคยเป็นครูสอนศาสนาวันอาทตย์ เป็นผู้หนึ่งที่สนใจกิจการลูกเสือ และได้เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้กำกับกองลูกเสือที่ 8 แห่งลอนดอนตะวันตกเฉียงใต้ นายริชเชส ซึ่งครั้งหนึ่งบิดาของเขาได้เคยทำงานอยู่ในสถานกงศุลไทย ซึ่งภายหลงได้เป็นถึงกงศุลใหญ่ประจำสถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอนนั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครัั้งที่ยังทรงดำรงอสิริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร สมัยที่ยังทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ   
        และเมื่อความเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือในอังกฤษนั้น ควบคู่ไปกับการเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือแห่งสยามประเทศ ข่าวคราวของกิจการลูกเสือแห่งสยามประเทศ ก็แพร่กระจายเข้าสู่เกาะอังกฤษอย่างรวดเร็ว นายริชเชส เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับทราบข่าวนั้น และประกอบกับความสมพันธ์ของผู้เป็นบิดากับพระเจ้าแผ่นดินแห่งสยามประเทศ เขาจึงได้ทำหนังสือมากราบบังคมทูลอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หวฯ ให้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์กองลูกเสือที่เขาเป็นผู้กำกับอยู่ และขอพระบรมราชานุญาตให้ชื่อลูกเสือกองนี้ว่า "King of Siam ’s own boy scout group" ซึ่งแปลว่า กองลูกเสือในพระเจ้ากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือรักษาพระองค์พระเจ้าแผ่นดินสยาม โดยมีชื่อย่อว่า K.S.O.  

         หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัวฯ ได้ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าให้จัดตั้งกองลูกเสือแห่งชาติขึ้นเพียง 5 เดือนเท่านั้น ก็ปรากฎว่า มีกองลูกเสือทั่วราชอาณาจักรอยู่ถึง 61 กอง
         การดำเนินกิจการลูกเสือทั่วทั้งโลกมักมีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เริ่มจากกิจการลูกเสือสำหรับเด็กชายก่อนที่จะเริ่มแพร่เข้าไปในหมู่เด็กหญิง และสำหรับกิจการลูกเสือในไทยก็เช่นกัน เมื่อถึงระยะเวลาอันควร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะให้สตรีและเด็กหญิงได้มีส่วนร่วมในกิจการลูกเสือ โดยทรงเห็นว่าสามารถที่จะเป็นกำลงให้กับชาติบ้านเมืองได้ แม้จะไม่ใช่กองกำลังหลักก็ตามที ดังนั้นจึงทรงตั้งกลุ่มสตรีขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ซึ่งพระองค์เรียกว่าสมาชิกแม่เสือ ส่วนใหญ่เป็นบุตรและภรรยาเสือป่า โดยแม่เสือมีหน้าที่หลักในการจัดหาเสบียงและเวชภัณฑ์ให้กับกองเสือป่า ในขณะเดียวกันก็ทรงจัดตั้งกองลูกเสือสำหรับเด็กหญิง และพระราชทานชื่อวา เนตรนารี ซึ่งเนตรนารี กองแรก คือ กองเนตรนารี โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ต่อมาได้เป็นชื่อ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
        นางสาวหนุ่ย โชติกเสถียร 1 ในเนตรนารีกองแรก ได้เขียนถึงกิจกรรมสำหรบเนตรนารีในสมัยนั้น
ไว้ว่า 
ในปี พ.ศ. 2457 โรงเรียนกุลสตีรวังหลัง จัดตั้งกองเนตรนารีขึ้น และให้เราเป็นกลุ่มแรกที่รับการ
ฝึกหัด ข้าพเจ้ายังจำและรู้สึกถึงความสนุกสนานของเวลานั้นได้จนบัดนี้ เราช่วยกันจัดข้าวของและห้องหลับ หองนอน ตลอดจนช่วยครัว ห้าโมงเย็นก็ลงมือรับประทานอาหาร สองทุ่มก็เข้านอนกันหมด เข้าเรียนเวลา สามโมงเช้า และเรียนกันตามใต้ร่มไม้ วิชาที่เรียนคือ 

       1. วิชาพฤกษศาสตร์ เป็นวิชาที่พวกเราชอบมาก เพราะได้ลงมือเพาะเมล็ดพืช ผัก ดอกไม้ มันฝรั่ง
และหัวหอม
       2. วิชาปฐมพยาบาล หัดช่วยคนเป็นลม วิธีพันผ้าพันแผลและเข้าเฝือก เราจับเด็กชาวนามาชำระ
ล้างและพันแผลให้
       3. วิธีทำกับข้าว หุงข้าว วิชานี้เป็นงานไปในตัว เพราะเราต้องผลัดเวรกันไปตลาดและทำกับข้าว เวลาบ่ายๆเราต้องเรียนและฝึกซ้อมกฎของเนตรนารี คือพยายามหาความงามในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนประพฤติ โดยมีความสุภาพอ่อนโยน อารีอารอบ ต้องพยายามหาความรู้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม และส่วนตัว อดทนในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เวลาเรียกเข้าประชุมอาจารย์มักจะกู่ว่า โว วิลโล่ (คำที่ใช้เป็นเสียงร้องเรียก แทนการใช้สัญญาณนกหวีด) หลายๆครั้ง พวกเราก็รีบวิ่งมาทันที


ประวัติศาสตร์การลูกเสือไทย

ประวัติศาสตร์การลูกเสือไทย


พุทธศักราช 2454 (ค.ศ. 1911)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงก่อตั้งกิจการลูกเสือไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454

พุทธศักราช 2463 (ค.ศ. 1920)ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 1 ณ ประเทศอังกฤษ

พุทธศักราช 2465 (ค.ศ. 1922)
คณะลูกเสือแห่งชาติ เข้าเป็นสมาชิกสมัชชาลูกเสือโลก

พุทธศักราช 2467 (ค.ศ. 1924)
ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมาร์ก

พุทธศักราช 2470 (ค.ศ. 1927)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 1 (1st National Jamboree) ณ พระราชอุทยานสราญรมย์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2470 จำนวนลูกเสือไทยทั้งสิ้น 1,836

พุทธศักราช 2473
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 2 (2st National Jamboree) ณ พระราชอุทยานสราญรมย์
วันที่ 1-7 มกราคม 2473 จำนวนลูกเสือไทย 1,955 คน ลูกเสือต่างประเทศ 22 คน 

พุทธศักราช 2478
กำเนิดตราประจำคณะลูกเสือแห่งชาติ

พุทธศักราช 2497
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 3 (3st National Jamboree) ณ กรีฑาสถานแห่งชาติพระนคร
วันที่ 20-26 พฤศจิกายน 2497 จำนวนลูกเสือไทย 5,155 คน

พุทธศักราช 2499 (ค.ศ. 1956)
เป็นสมาชิกของสำนักงานลูกเสือภาคตะวันออกไกล ซึ่งเพิ่งจัดตั้งขึ้น ขณะนั้นมีประเทศสมาชิก           อยู่ 10 ประเทศ
 
พุทธศักราช 2504 (ค.ศ. 1961)
เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีลูกเสือไทยจัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร
วันที่ 19-25 พฤจิกายน 2504 จำนวนลูกเสือไทย 5,539 คน ลูกเสือต่างประเทศ 348 คน
 
พุทธศักราช 2505 (ค.ศ. 1962)
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือภาคพื้นตะวันออกไกล ครั้งที่ 3
(3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสันติธรรม
 
พุทธศักราช 2508 (ค.ศ. 1965)
จัดงานประชุมสภาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 1 (1st National Scout Conference)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 5 (5st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ
วันที่ 9-15 ธันวาคม 2508 จำนวนลูกเสือไทย 5,736 คน ลูกเสือต่างประเทศ 431 คน 
 
พุทธศักราช 2512 (ค.ศ. 1969)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 6 (6st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ
วันที่ 11-17 ธันวาคม 2512 จำนวนลูกเสือไทย 5,000 คน ลูกเสือต่างประเทศ 582 คน
 

พุทธศักราช 2514 (ค.ศ. 1971)
เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีการลูกเสือไทยทดลองเปิดอบรมลูกเสือชาวบ้านครั้งแรก
ณ บ้านเหล่ากอหก กิ่งอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลยจัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 7
(7st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ วันที่ 28-30 มิถุนายน 2514
จำนวนลูกเสือไทย 1,667 ลูกเสือต่างประเทศไม่ได้เข้าร่วม
 
พุทธศักราช 2516 (ค.ศ. 1973)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 8 (8st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ
วันที่ 23-30 พฤศจิกายน 2516 จำนวนลูกเสือไทย 4,968 คน ลูกเสือต่างประเทศ 256 คน  
 
พุทธศักราช 2520 (ค.ศ. 1977)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 9 (9st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ
วันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2520 จำนวนลูกเสือไทย 10,827 คน ลูกเสือต่างประเทศ 159 คน
 
พุทธศักราช 2523 (ค.ศ. 1980)จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 10 (10st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ
วันที่ 28 ธ.ค. 2523 - 3 ม.ค. 2524  จำนวนลูกเสือไทย 12,692 คน ลูกเสือต่างประเทศ 108 คน
 
พุทธศักราช 2528 (ค.ศ. 1985)
เป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 9 งานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ
ครั้งที่ 11 (11st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ วันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2528
จำนวนลูกเสือไทย 5,336 คน ลูกเสือต่างประเทศ 391 คน
  

พุทธศักราช 2529 (ค.ศ. 1986)
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 15
 

พุทธศักราช 2532 (ค.ศ. 1989)
งานชุมนุมลูกเสือครั้งที่ 12 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ วันที่ 21-27 พฤศิกายน 2532
จำนวนลูกเสือไทย 9,330 คน ลูกเสือต่างประเทศ 422 คน
    
พุทธศักราช 2534 (ค.ศ. 1991)
จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง 80 ปีลูกเสือไทย งานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 13
(13st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ  วันที่ 1-7 กรกฎาคม 2534
จำนวนลูกเสือไทย 10,022 คน ลูกเสือต่างประเทศ 357 คน 
 
พุทธศักราช 2536 (ค.ศ. 1993)
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 33 ที่กรุงเทพ (33rd World Scout Conference)
งานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 14 (14st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ 
วันที่ 22-28 พฤศจิกายน 2536 จำนวนลูกเสือไทย 10,263 คน ลูกเสือต่างประเทศ 357 คน
 
พุทธศักราช 2540 (ค.ศ. 1997)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 15 (15st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ
วันที่ 21-27 พฤศิกายน 2540 จำนวนลูกเสือไทย 11,274 คน ลูกเสือต่างประเทศ 160 คน 
 
พุทธศักราช 2544 (ค.ศ. 2001)เฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีลูกเสือไทย เตรียมการ การจัดงานชุมนุมลูกเสือโลก
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 16  ณ หาดยาว จ.ชลบุรี
วันที่ 28 ธ.ค. 2544 - 4 ม.ค. 2545
 

พุทธศักราช 2546 (ค.ศ. 2003)
เป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 20 (20th World Scout Jamboree)
 

พุทธศักราช 2548 (ค.ศ. 2005)
จัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 17 (17st National Jamboree) ณ หาดยาว จ.ชลบุรี
วันที่ 25-31 กรกฎาคม 2548  เป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 25
(25th Asia - Pacific Regional Scout Jamboree)
 

พุทธศักราช 2552 (ค.ศ. 2009)
จัดงานชุมนุมลุกเสือแห่งชาติครั้งที่ 18 ณ ค่ายลูกเสือไทยเฉลิมพระเกียรติ จ.ตรัง
วันที่ 25-30 เมษายน 2552 
 

พุทธศักราช 2554 (ค.ศ. 2011)
เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีการลูกเสือไทย
 

วัตถุประสงค์การฝึกลูกเสือ

วัตถุประสงค์การฝึกลูกเสือ

          เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดีมีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคีและเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุข และความมั่นคงของประเทศชาติตามแนวทางดังต่อไปนี้
          (1) ให้มีนิสัยในการสังเกตจดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง
          (2) ให้ซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
          (3) ให้รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์
          (4) ให้รู้จักทำการฝีมือ และฝึกฝนให้ทำกิจการต่างๆตามความเหมาะสม
          (5) ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณีวัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศชาติ

กฎของลูกเสือวิสามัญ

กฎของลูกเสือวิสามัญ
   
ข้อ ๑ ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้
           A scout’s honor is to be trusted.
   ข้อ ๒ ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ
           A scout is loyal.
   ข้อ ๓ ลูกเสือมีหน้าทีกระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น
           A scout’s duty is to be useful to help others.
   ข้อ ๔ ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคน และเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก
           A scout is a friend to all and a brother to every other scout.
   ข้อ ๕ ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
           A scout is courteous.
   ข้อ ๖ ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์
           A scout is a friend to animal.
   ข้อ ๗ ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา และผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
              A scout obeys orders of his parents, Patrol Leader and 
           Scoutmaster without question.
   ข้อ ๘ ลูกเสือมีใจร่าเริง และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
           A scout smiles and whistles under all difficulties.
   ข้อ ๙ ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์
           A scout is thrifty.
   ข้อ ๑๐ ลูกเสือประพฤติชอบ ด้วยกาย วาจา ใจ 
           A scout is clean in thought, word and deed.

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คำปฏิญาณของลูกเสือวิสามัญ

คำปฏิญาณของลูกเสือวิสามัญ

       ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า
   ข้อ ๑ ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
   ข้อ ๒ ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
   ข้อ ๓ ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ